วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558
เซ็นเซอร์อินฟาเรดดีอย่างไร?
ใน ปี 2553 ที่จะถึงนี้ผู้ผลิตยานยนต์จะนำระบบเซ็นเซอร์สำหรับเบรคฉุกเฉิน (EBA) ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทคอนติเนนทอล ไปใช้ในยานยนต์สำหรับสังคมเมือง ระบบดังกล่าวได้ติดตั้งเป็นครั้งแรกแล้วในรถยนต์วอลโว่ รุ่น XC 60 ประโยชน์ของระบบนี้ก็คือขณะขับขี่ด้วยอัตราความเร็วปกติในเมือง ระบบเซ็นเซอร์อินฟาเรด (EBA) จะทำการส่งข้อมูลให้รถเบรคโดยอัตโนมัติ ในระยะที่เสี่ยงต่อการชนท้าย เพื่อป้องกันการชน
บริษัทคอนติเนนทอล ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก ประสบความสำเร็จในการแนะนำให้กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ในยุโรปนำ ระบบเซ็นเซอร์สำหรับเบรคฉุกเฉิน (EBA) ไปใช้ เพื่อป้องกันการชนท้าย ระบบเซ็นเซอร์นี้จะทำหน้าที่ตรวจดูสภาพถนนที่อยู่ข้างหน้ารถ พร้อมทำงานควบคู่กับระบบเบรค เมื่อเกิดความเสี่ยงจากการชนหัวถึงท้าย (nose-to-tail) ระบบนี้จะสั่งการไปที่เบรคโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถเบรคได้ทันท่วงที หรือมีการตอบสนองที่ช้าเกินไป โดยระบบนี้มีส่วนประกอบที่สำคัญสองส่วน คือ เซ็นเซอร์อินฟาเรด ที่สามารถตรวจสอบสภาพถนนที่อยู่ข้างหน้ารถ และจับสัญญาณอันตรายบนท้องถนน และระบบเบรคอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคอนติเนนทอลเป็นผู้จัดหาทั้งหมดนี้
เซ็นเซอร์อินฟาเรดดีอย่างไร?
ระบบดังกล่าวจะ ช่วยป้องกันการชน เมื่อความเร็วในการขับขี่อยู่ที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สภาพการขับขี่ในเมือง ผู้ขับขี่มักมีความเสี่ยงจากการชนท้ายบ่อยครั้ง เนื่องจากผู้ขับขี่ต้องเบรค และเร่งคันเร่งอยู่ตลอด จากสถิติของตำรวจพบว่า 75% ของอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นที่ความเร็วไม่เกิน30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาที่รถเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ หรือขณะ “ขับ ๆ หยุด ๆ” ระบบเซ็นเซอร์ที่ถูกพัฒนา และผลิตโดยบริษัทคอนติเนนทอล บนพื้นฐานของ CV Sensor (Closing Velocity Sensor) สามารถลดความเสี่ยงจากการโดนชนท้าย ระบบเซ็นเซอร์จะถูกติดตั้งไว้หลังกระจกหน้าในบริเวณที่ปัดน้ำฝนสามารถทำความ สะอาดได้โดยนี้ทำงานด้วย ลำแสงเลเซอร์ 3 เส้น ที่คอยตรวจดูสภาพบนท้องถนนข้างหน้าในรัศมี 8 เมตร เซ็นเซอร์ดังกล่าวจะค้นหายานพาหนะที่จอดอยู่ หรือเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อพบสิ่งกีดขวาง หรือเมื่อรถอยู่ในระยะประชิดกับคันหน้า ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรคจะทำงานโดยอัตโนมัติ
ในการขับขี่ซึ่งผู้ขับขี่ทิ้งระยะห่างจากคันหน้า ด้วยความเร็ว15 กิโลเมตร/ ชั่วโมงระบบนี้จะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการชนท้ายได้ และในกรณีที่การขับขี่มีอัตราเร็วขึ้น ระบบก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของการชนลงได้ ในขณะเดียวกันระบบนี้ยังช่วยป้องกันผู้ขับขี่ ด้วยการส่งผ่านข้อมูลไปยังหน่วยควบคุมถุงลมนิรภัย และส่งคำสั่งไปยังระบบควบคุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดร. ราฟท์ เครเมอร์ ประธานกลุ่มธุรกิจแชสซี และความปลอดภัย และหนึ่งในกรรมการบริหารของคอนติเนนทอล กล่าวว่า “การออกแบบให้เหมาะสมกับยานยนต์ทุกรุ่น และการนำไปใช้งาน สามารถเป็นไปได้ด้วยโมดุลที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ผลิตได้ การที่ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่าง ๆ นำระบบดังกล่าวไปใช้ ทำให้คอนติเนนทอลบรรลุเป้าหมาย “ความปลอดภัยสำหรับทุกคน” “ซึ่งสามารถลดปริมาณการเกิดอุบัติเหตุ และการบาดเจ็บลงได้”
กลุ่มคอนติเนนทอล คอร์ปอเรชั่น เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งมอบชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำลำดับต้นๆ ของโลก มียอดขายในปี 2551 มากกว่า 24 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1.08 ล้านล้านบาท (1,080 พันล้านบาท) ในฐานะที่กลุ่มคอนติเนนทอล เป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญ ได้แก่ ระบบเบรก ระบบและชิ้นส่วนสำหรับระบบส่งกำลังและแชสซี หน้าปัดรถยนต์ อุปกรณ์เพิ่มความบันเทิงในรถยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในยานยนต์ ยางรถยนต์และยางสังเคราะห์ เป็นต้น
ติดตามเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ดีๆแบบนี้ได้ที่ www.q4car.com และ www.tqm.co.th หรือ
ความรู้เกี่ยวกับ ประกันภัยรถยนต์,ประกันรถยนต์,รถมือสอง,ตลาดรถ,ประกันชีวิต
กันได้ตลอดครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไรสามารถรอชมกันได้เลยครับ
วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558
เกร็ดความรู้ "ซื้อประกันภัยรถยนต์ อย่างไรไม่ให้โดนหลอก"

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558
การดูแลรักษาระบบเบรค
หน้าที่ของเบรคคือการหยุดรถหรือทำให้การเคลื่อนไหวของรถช้าลงตามความต้องการตลอดเวลาขับขี่ ฉะนั้นเบรกจึงต้องทำการหยุดรถได้แน่นอนและรวดเร็วตลอดเวลาเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุทางทรัพย์สินและชีวิต เบรคในปัจจุบันนี้นิยมใช้กันอยู่ 2 ประเภท
วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558
สัญญาณบอกที่บอกว่า ?ลูกปืนรถคุณเสีย?
หากลูกปืนเสื่อมหรือหลวม จะทำให้ควบคุมรถได้อย่างไม่ปกติ เช่น เลี้ยวแล้วพวงมาลัยไม่คืน การตอบสนองของพวงมาลัยช้าลง ยางสึกหรอผิดปกติ เนื่องจากมุมล้อผิดเพี้ยนไป
เราจึงมีข้อแนะนำวิธีดูอาการบอกว่าลูกปืนแตกหรือลูกปืนรถยนต์เสียดังนี้ สำหรับคนขับรถจะรู้สึกได้เวลาขับ จับพวงมาลัยตรง แต่ทำไมรถวิ่งไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ต้องคอยประคองรถตลอดเวลา ทำให้คนขับรู้สึกเมื่อยล้าเวลาขับรถเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ยังมีอาการมีเสียงดังให้รำคาญ สังเกตได้ชัดเจน เสียงเหล็กสีกับเหล็ก บางครั้งมีเสียงลั่น เนื่องจากการขัดกันของเหล็กลูกปืนกับตัวเสื้อลูกปืน
แต่อาการบอกว่าอันตรายที่สุด นั่นคือลูกปืนหลุดหรือละลายรวมกัน เพราะไม่สามารถขับรถต่อไปได้เลย ต้องจอดรถและหาลูกปืนมาเปลี่ยนอย่างเดียวเท่านั้น
หากรถยนต์เริ่มมีอาการควบคุมไม่ได้ จะมีเสียงดังผิดปกติ ควรรีบหาสาเหตุแก้ไขอย่างเร่งด่วน อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอันตรายบนท้องถนนได้"
ติดตามเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ดีๆแบบนี้ได้ที่ www.q4car.com และ www.tqm.co.th หรือ
ความรู้เกี่ยวกับ ประกันภัยรถยนต์,ประกันรถยนต์,รถมือสอง,ตลาดรถ,ประกันชีวิต
กันได้ตลอดครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไรสามารถรอชมกันได้เลยครับ
วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558
อันตราย...เมื่อยางรถยนต์เก่า
ยางรถยนต์เก่า ก็มักเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยางเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวรถยนต์ไว้กับถนนและหมายถึงอำนาจการยึดเกาะของรถและประสิทธิภาพในการขับขี่ด้วย
ยางที่เก่าเกินไปนั้นมีแต่ข้อเสีย ประการแรกคือเนื้อยางจะแข็งทำให้ไม่มีการยึดเกาะพื้นผิว แม้จะได้ความร้อนจากการสัมผัสหน้ายางมาสักระยะหนึ่ง นั่นทำให้รถจะมีอาการลื่นเมื่อขับขี่ และหากคุณไม่ใช่นักขับหรือนักแข่งรถ มีโอกาสสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
นอกจากนี้ยางที่เก่าหมายถึงมีความเป็นไปได้สูงที่โครงสร้างภายในยางจะมีประสิทธิภาพด้อยลง อาจจะทำให้ยางเกิดแตกหรือระเบิดได้เมื่อมีการขับขี่เป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หากคุณต้องเดินทางไกลเป็นระยะเวลานานๆ
แม้ว่าจะไม่ค่อยมีใครพูดถึงยางเก่ามากนัก แต่ Consumer Report นิตยสารผู้บริโภคในอเมริการะบุว่ายางรถยนต์ที่มีอายุกว่า 10 ปี นั้นไม่ควรจะนำมาใช้งาน ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเปิดเผยว่า ยางรถยนต์ที่อายุมากกว่า 6 ปี เป็นยางที่ไม่ควรนำมาใช้งานแต่แม้ว่าเราหลายคนอาจจะไม่แน่ใจว่ายางรถยนต์ที่เราใช้งานมีความเหมาะสมหรือไม่ เราก็สามารถตรวจสอบเองได้ โดยเริ่มจากการที่คุณรู้เรื่องอายุของยางที่ใช้ โดยดุที่แก้มยาง ซึ่งจะมีชุดเลขวันที่ผลิตยางระบุเป็น 4 ตัว โดย 2 ตัวแรก คือ สัปดาห์ที่ยางผลิตในปีนั้นๆ ส่วน 2 ตัว หลัง คือ ปีที่ยางถูกผลิตขึ้น ซึ่งเมื่อทราบแล้ว ก็จะสามารถบอกได้ว่ายางคุณมีอายุมานานเท่าไร หลังจากทราบปีที่ยางถูกผลิต ก็ต้องมาดูเนื้อยางว่ามีลักษณะใช้งานเป็นอย่างไรบ้าง เริ่มจากหน้ายางมีร่องรอยการกินยาง แบบไม่สมมาตรหรือไม่ เช่น ยางด้านในมีการกินมากกว่าด้านนอกหรือไม่ ต่อไปก็สำรวจเนื้อยางว่ามีอาการแข็งหรือไม่ เพราะถ้ายางแข็งก็ไม่มีประโยชน์ในการใช้งาน แต่ต้องพึงนึกว่ายางบางรุ่น โดยเฉพาะยางสปอร์ตมักจะมีเนื้อยางแน่นและแข็งมาก ผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศแนะนำว่าการทดสอบที่ดี คือ ให้ขับรถสักระยะ แล้วจอดตรวจสอบเนื้อยางอีกครั้ง ถ้ายังแข็ง ก็คงถึงคราวต้องเปลี่ยน ท้ายสุด คือเนื้อยางที่เหลือในการใช้งาน จุดนี้สามารถสังเกตได้ง่ายจากสะพานยางหรือ จุดเชื่อมของยาง ซึ่งจะเป็นขีดขวางในหน้าสัมผัสยาง หากเนื้อยางคุณใกล้ถึงสะพานยางก็เตรียมตัวเปลี่ยนยางได้เลย เพราะ เนื้อยางที่น้อยหมายถึงโอกาสที่คุณจะลื่นไถลได้ง่าย รวมถึงร่องรีดน้ำยังลดลงทำให้ไม่เป็นผลดีในการขับขี่ โดยเฉพาะในหน้าฝน
ติดตามเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ดีๆแบบนี้ได้ที่ www.q4car.com และ www.tqm.co.th หรือ
ความรู้เกี่ยวกับ ประกันภัยรถยนต์,ประกันรถยนต์,รถมือสอง,ตลาดรถ,ประกันชีวิต
กันได้ตลอดครั้งหน้าจะเป็นเรื่องอะไรสามารถรอชมกันได้เลยครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)