วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

เทคนิคการดูแลหม้อน้ำในหน้าร้อน



หม้อน้ำนั้น เป็นตัวช่วยระบายความร้อนในการทำงานของเครื่องยนต์ การระบายความร้อนของรถยนต์ โดยทั่วไปจะใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อน ซึ่งต้องมีการดูแลระดับน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ

ซึ่งถ้าขาดการดูแลแล้ว เครื่องยนต์ก็จะมีความร้อนสูง และอาจเสียหายได้ ซึงโดยปกติ ถ้าหากรถยนต์ขาดระดับน้ำที่เหมาะสมจะมีสัญญาณเตือนบริเวณหน้าปัดของรถตรงบริเวณใกล้กับเรือนไมล์บอกความเร็ว เ็ป็นเข็มบอกโดยใช้สัญลักษณ์เป็น C เท่ากับ Cool คือเย็น และ H คือ Hot คือ ร้อน ระดับความร้อนของเครื่องยนต์ต้องได้รับการเติมน้ำในระดับที่ถูกต้อง เข็มวัดความร้อนควรจะอยู่ในระดับปานกลางระหว่าง C กับ H ถ้าขาดการดูแลระดับน้ำ ความร้อนจะขึ้นถึงตัว H หรือเลยขึ้นไป ถ้ามีระดับความร้อนขนาดนี้ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ จึงต้องรีบหาน้ำมาเติมโดยเร็ว ส่วนน้ำที่ใช้ในการเติมหม้อน้ำ คือ น้ำธรรมดาที่ใสไม่มีตะกอน เช่น น้ำปะปาทั่วไป

ส่วนขั้นตอนในการเติมน้ำในหม้อน้ำรถยนต์ สามารถแบ่งได้ตามลักษณะของหม้อน้ำ ดังนี้

1. หม้อน้ำที่ไม่มีหม้อพักน้ำสำรอง กรณีนี้จะเป็นรถรุ่นเก่า ซึ่งไม่มีหม้อพักน้ำสำรองให้เราดูระดับน้ำ ทำให้ต้องเปิดฝาหม้อน้ำโดยตรง และดูว่าระดับน้ำในหม้อน้ำนั้นลดลงหรือไม่ ถ้าลดลงก็เติมน้ำลงไปให้เต็มพอปิดฝาหม้อน้ำได้ อย่าให้น้ำล้นออกมามาก ในกรณีนี้ต้องคอยเปิดดูระดับน้ำทุกวันเพราะไม่มีหม้อพักน้ำสำรองให้

2. หม้อน้ำที่มีหม้อพักน้ำสำรองแต่ยังมีฝาปิดหม้อน้ำให้เติม สำหรับระบบนี้จะเป็นระบบที่ใช้กับรถรุ่นใหม่กว่า ข้อ 1 คือในส่วนของหม้อน้ำจะมีที่เก็บน้ำสำรองเป็นพลาสติกติดอยู่ข้างหม้อน้ำ และมีสายต่อโยงถึงกัน ในระบบนี้ถ้าจะเติมน้ำลงไปในหม้อน้ำ ต้องเติมให้หม้อน้ำเต็มตามระดับที่เหมาะสมเสียก่อน แล้วค่อยเติมน้ำลงไปในหม้อน้ำสำรอง การเติมน้ำในหม้อน้ำพักน้ำสำรองต้องเติมตามจำนวนที่เหมาะสม ห้ามเกินขีดที่กำหนดไว้ ซึ่งจะกำหนดไว้ ดังนี้

MAX คือ จำนวนน้ำมากที่สุดอยู่ที่ระดับนี้ ห้ามเติมน้ำจนเกินระดับนี้โดยเด็ดขาด

MIN คือ จำนวนน้ำมีน้อย ต้องเติมน้ำเข้าไปให้อยู่ในระดับ MAX

หม้อน้ำที่มีถังพักน้ำสำรองจะมีส่วนดีคือ น้ำที่เติมลงไปจะสูญเสียน้อย คือเมื่อได้รับความร้อนกลายเป็นไอ ก็จะถูกดันให้มารวมตัวเป็นหยดน้ำที่หม้อพักน้ำนี้ และเมื่อหม้อพักน้ำเครื่องเย็นลง ก็จะทำการระบายความร้อนต่อไป
ถ้ารถมีหม้อน้ำสำรองก็สามารถช่วยประหยัดเวลาในการดูแลระดับน้ำในหม้อน้ำได้ และไม่ต้องตรวจเช็คระดับน้ำเป็นประจำ อาจตรวจเช็คประมาณ 15-30 วันต่อครั้ง

3. หม้อน้ำที่มีหม้อพักน้ำสำรอง แต่ไม่มีฝาเติมน้ำโดยตรงจากหม้อน้ำ ระบบนี้เป็นระบบที่ใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ คือการเติมน้ำในหม้อน้ำจะเติมได้ทางเดียวคือ บริเวณหม้อพักน้ำสำรอง และจะไม่มีการเติมน้ำผ่านหม้อน้ำโดยตรง ส่วนการดูแลระดับน้ำนั้น จะใช้วิธีเดียวกับการเติมน้ำในหม้อน้ำตามแบบที่ 2 แต่ไม่ต้องเติมน้ำที่หม้อน้ำ เพราะสามารถเติมผ่านหม้อพักน้ำสำรองได้เลย ส่วนการดูแลระดับน้ำก็เช่นกัน หม้อน้ำแบบนี้ไม่จำเป็นต้องดูแลบ่อย ประมาณ 15-30 วันจึงค่อยตรวจเช็ค

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น